ไม่ได้เข้ามาอัพซะนาน ตอนนี้น้องๆที่ติวกับพี่เมื่อช่วงต้นปีก็ได้สอบและประกาศผลไปเป็นทีเรียบร้อยแล้วนะจ้ะ เข้าไปดูรายละเอียด และรายชื่อเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ กันได้ที่ www.basthammsat.org สรุปคือ เท่าที่พี่ทราบส่วนใหญ่น้องๆที่ติวกับพี่ ก็จะสอบเข้าได้ซึ่งพี่ก็ดีใจด้วยนะคะ เข้ามาได้แล้วก็ทำให้ดีที่สุดละกัน
ขอพูดถึงคนที่ไม่ได้ก่อน คือพี่ก็ยังไม่แน่ใจนะว่าใครได้ใครไม่ได้บ้างเพราะบางคนก็ไม่ได้บอกพี่ แต่เท่าที่รู้คนที่ได้ก็คือคนที่พี่คิดแล้วว่าต้องได้ ประมาณว่าซื้อหวยก็คงถูกไปแล้ว คือไม่ได้บอกว่าตัวเองติวเก่งหรืออะไรนะ เพราะการติวของพี่ก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นการเตรียมความพร้อมในด้าน "ความรู้" เป็นหลัก ไม่ได้ติว "แกรมม่าร์" การติวของพี่คือเน้นให้น้องมีความรู้กว้างๆ และความรู้รอบตัวเพื่อจะได้นำไปใช้เขียนสอบ และสัมภาษณ์ได้ แต่ปัญหาของน้องที่สอบไม่ได้ (คือที่เงียบหายไปส่วนใหญ่) เท่าที่สังเกตุตอนที่สอนๆจะมาจาก..
1.ยังขาดความตั้งใจจริง ไม่พร้อม(หรือบางคนรู้ตัวช้าไปอะไรแบบนี้ ทำให้สมัครสอบไปแล้ว แต่ไม่มีคะแนนภาษาอังกฤษมายื่น หรือไม่ก็ไม่ผ่านเกณฑ์) - เมื่อรู้แบบนี้แล้ว น้องๆที่คิดจะสมัครเข้าที่นี่ในปีหน้าควรที่จะไปสอบภาษาอังกฤษ (TU-GET หรือ IELTS) ไว้เลยเพราะคะแนนพวกนี้เก็บได้สองปี คือถ้าผ่านก็ผ่าน แต่ถ้าไม่ผ่านจะได้มีเวลาไปสอบอีกครั้งได้ เพราะที่นี่ถึงแม้จะเป็นคณะอินเตอร์ฯ แต่กำหนดการต่างๆออกโดยมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ไม่อะลุ่มอะล่วยเหมือนที่อื่นนะ
**และที่สำคัญไม่ใช่ว่ามีตังค์ก็จะเรียนได้ทุกคน เพราะรับแค่ปีละ 100 คน ถึงแม้บางคนจะลาออก ไม่มาเรียนแล้วก็ไม่เกี่ยว ตัวสำรองมีวันหมดอายุ อย่าชะล่าใจเป็นอันขาด!! เพราะคนมาสอบคณะนี้ถึงไม่ได้เยอะเป็นพัน ก็จริง แต่ก็ไม่เคยต่ำกว่า 250 นะ (แปล่ามีคนไม่ได้แน่นอน)
2.ทักษะการใช้ภาษาอังกฤษในด้านการเขียน - อย่างที่พูดไปแล้วว่าการติวของ BAS Tutor เนี่ยเป็นการเตรียมความพร้อมในด้านความรู้ เพราะฉะนั้นใครที่จะมาติวกับพี่ (หรือไม่ติวก็ตาม) ต้องมีพื้นฐานในการเขียนที่ดีติดตัวมาแล้วพอสมควร เรื่องภาษามาหวังพึ่งพี่ไม่ได้นะ เพราะพี่ไม่ได้เน้น คือดูให้ได้ บอกให้ได้เล็กน้อย แต่ต้องไปฝึกเอาเอง น้องบางคนที่มาติวกับพี่ คือถ้ามีพื้นฐานการเขียนดีอยู่แล้ว พี่แนะเค้านิดเดียวเค้าก็ไปกระจาย ต่อยอดความคิดได้ แต่คนไหนเขียนก็ไม่ได้ ความรู้รอบตัวก็ไม่ค่อยมี อย่างนี้ถึงสอบเข้าได้ แต่เข้าไปเรียนแล้วก็จะลำบากจ้า เพราะฉะนั้นอย่ามาหวังพึ่งน้ำบ่อหน้า (คือการมาเน้นติวเอาตอนใกล้สอบ) ให้เตรียมตัวเองในด้านอื่นๆมาให้พร้อมจะดีที่สุด
อ้อ เดี๋ยวจะขยายความให้ฟังนิดนึงแล้วกันว่า "พื้นฐานภาษาอังกฤษด้านทักษะการเขียน" เนี่ยมันคืออะไร ประมาณไหนถึงถือว่าดี - บอกให้ก็ได้ว่าถ้าถามพี่ ขอแค่อ่านรู้เรื่องก็พอแล้ว แต่ไม่ได้หมายถึงอ่านรู้เรื่องแบบสะกดถูกอะไรแบบนี้อย่างเดียวนะ เพราะการเขียนก็คือการสื่อสารอย่างนึง เพราะฉะนั้นใครที่เขียนแล้วพี่เข้าใจว่าต้องการจะสื่ออะไร สำหรับพี่(และคิดว่าอาจารย์ที่ตรวจข้อสอบก็ด้วย) ก็เป็นสิ่งที่พอแล้ว... แต่ ก็ยังรับประกันไม่ได้อยู่ดีนะว่าจะเข้าได้รึเปล่า เพราะ การสอบเข้าให้คะแนนการเขียน 60 การสัมภาษณ์ 40 แปลว่าเขียนสื่อสารเก่งอย่างเดียวก็อาจจะไม่พอ ซ้ำยังอาจจะมีคนที่เค้าเก่งกว่าเรามาสอบด้วยก็ได้ สรุปคือไปเตรียมตัวด้านภาษาอังกฤษมาให้ดีๆ ข่าว เข่อว อะไรยังไม่ต้องไปอ่านค่อยมาหาซื้อชีท หาติวทีหลังยังทัน (แค่ดูข่าวสามมิติตอนกลางคืนทุกวันไม่ทึบมากก็ถือว่ามีความรู้รอบตัวพอควรแล้ว)
3.การสนทนาพื้นฐาน การสอบสัมภาษณ์ของ BAS ถ้าเทียบกับคณะอื่นๆแล้วจากที่น้องบางคนเล่ามา ถือว่าไม่โหด ชิลๆมาก เค้าจะถามเราเกี่ยวกับเรื่องทั่วไป แต่ถ้าใครดูเก่งเค้าก็อาจจะถามลึก อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับอาจารย์แต่ละท่าน - ปัญหาที่พี่เจอในน้องบางคน ซึ่งถือว่าเป็นส่วนน้อยมาก พูดไม่รู้เรื่องเลย ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นอะ เพราะประเทศไทยก็สอนภาษาอังกฤษในโรงเรียนมาตั้งแต่แบเบาะละ ซึ่งพี่คิดว่าไม่น่าจะเป็นด้านความรู้ น่าจะเป็นด้านความมั่นใจมากกว่า บางคนพูดเสียงเบาๆ แผ่วๆ อย่างนี้ก็ถือว่าเสียบุคลิกนะ คือเอาเป็นว่ามั่นๆเข้าไว้แล้วกัน อย่าไปกังวลว่าเราจะพูดผิด หรือ อายอะไรมาก เพราะทำใจไว้เลยว่าเข้ามาแล้วไม่ช้าก็เร็วได้พูด ได้ตอบ ได้พรีเซ้นต์เป็นภาษาอังกฤษแน่ๆๆๆๆ 10000000%
รวมๆแล้วสิ่งที่อยากฝากน้องๆรุ่นต่อไปก็คือ "การเตรียมตัว" และ "ความตั้งใจ" นี่แหละที่สำคัญที่สุดในการสอบเข้าไม่ว่าจะที่ไหนอะไรยังไงก็ตาม อย่าไปคิดว่าเราไม่เก่ง บลา บลา บลา ท้อซะเปล่าๆนะ ฟุ้งซ่านด้วย เอาเวลามาพัฒนาตัวเองดีกว่า ตัวพี่เองก็ไม่เคยไปเรียนพิเศษอะไรที่ไหน ไม่ได้เรียนอินเตอร์อะไรมา ซัมเมอร์ต่างประเทศอะไรก็ไม่เคยไปอ่า อาศัยว่าใจชอบ(ภาษา) ก็พยายามฝึกฝนด้วยตัวเอง ดูหนังฝรั่งบ้าง คุยกับเพื่อนฝรั่งบ้าง อาจจะฟังดูไร้สาระนะ แต่ประเด็นคือเรื่องภาษาอะ พี่ว่ามันเป็นอะไรที่ต้องใช้บ้าง ไม่ใช่อยากเก่งอยากอะไรมากมาย แต่หวังพึ่งเอาจากคนอื่น โดยการไปเสียเงินเสียทองไรมากมายกับการเรียนภาษาอังกฤษทั้งๆที่มันไม่ใช่อะไรที่ยากเกินความสามารถเลย บางคนอ่อนจริงก็อาจจะไปเรียนเอาหลักการ แล้วก็มาฝึกต่อเองที่บ้านอย่างนี้ก็ได้ (= =" พิมพ์แล้วเหนื่อย) และที่สำคัญอย่าเรียนตามเพื่อน มันเสียเวลา เจอมาหลายคนแล้วเห็นเพื่อนไปเรียนที่นู่นที่นี่แล้วก็ตามกัยไปเป็นโขยง แต่สุดท้ายก็เรียนไม่ไหวบ้าง รู้ตัวทีหลังว่าชอบอย่างอื่นบ้าง
รู้อย่างนี้แล้วก็รีบไปสำรวจตัวเองเลย มีปัญหาอะไรก็อีเมล์มาหา มาถามมาคุยได้ที่ BAS.tutor@gmail.com [ลองเอาที่ตัวเองเคยเขียนมาให้พี่ดูก็ได้ว่าระดับภาษาของน้องเนี่ยประมาณไหน ไม่คิดตังค์ถือว่ารุ่นพี่รุ่นน้องช่วยๆกัน]
สำหรับคนที่สอบเข้ามาได้แล้ว อยากรู้เรื่องอะไรก็ถามพี่ๆทุกคนได้เลย วัน First Meet คงได้เจอกัน จะเป็นวันไหนที่ไหนยังไงต้องถามพี่ปีหนึ่งตอนนี้ดู ส่วนเรื่องการเรียนพี่ก็อยากแนะนำว่าช่วงนี้ปิดเทอมอยู่ว่างๆอ่ะ ให้ฝึกฟังไว้เยอะๆ เพราะอย่างที่รู้การเรียนการสอนจะเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด คนไหนมาจากอินเตอร์ก็จะได้เปรียบด้านนี้ไป อาจจะออก start ได้ดีกว่าคนอื่น ถ้าน้องคนไหนไม่เคยเรียนแบบนี้มาก่อน ช่วงเทอมแรกก็ต้องฟิตตัวเองดีๆเลย เพราะว่าถ้าเกรดเทอมแรกไม่ดีแล้วการจะอัพขึ้นมาค่อนข้างยากมากเลยทีเดียว (จากประสบการณ์ส่วนตัว >.<") อีกอย่างคือคณะเราถึงแม้จะเป็นศิลปศาสตร์ แต่ไม่มีการมาสอนภาษาอังกฤษ การเขียน การอ่านนะ ยกเว้นพวกที่ต้องเรียน EL หรือวิชาภาษาอังกฤษนั้นแหละ ซึ่งเพื่อนพี่ที่เรียนไปแล้วเค้าบอกว่าไม่ได้ช่วยอะไรเท่าไหร่ ส่วนวิชาพวก Reading and Writing ต่างๆที่ต้องเรียนเทอมสอง อะไรแบบนี้เค้าก็จะไม่มานั่งสอนแกรมม่าร์ให้เรา เค้าจะสอนการเขียนแบบถูกวิธีให้ เช่น เวลาเขียนอะไรที่เป็นการเป็นงานเนี่ยต้องไม่ใช้คำประเภทไหน และมีกฎอะไรในการเขียนบ้าง เวลาเขียนแกรมม่าร์ผิดเค้าก็จะหักคะแนน แล้วก็บอกรวมๆว่าภาษาไม่ดีบ้างอะไรบ้าง แต่จะไม่มีนั่งสอน Tenses อะไรแล้ว.
ส่วนใครที่เคยมาถามพี่ว่าต้องเตรียมตัวไปหาหนังสืออะไรมาอ่านตอนนี้เลยมั้ย? ยังไม่ต้อง! เอาเวลามาฝึกภาษาตัวเองให้ดีก่อนดีกว่า เพราะมันเป็นปัจจัยหลักในการเรียน ถ้าเราฟังไม่เข้าใจ แล้วเราจะมาเขียนเล้กเชอร์/สอบได้ยังไง ใช่มั้ย? มีอะไรยกมือถามได้เลย แต่ขอที่มันเป็นเรื่องเป็นราวไม่ใช่อะไรที่ไร้สาระ เช่น ถามว่าไอ้คำง่ายๆที่เค้าพูดไปสะกดยังไง -*- มันเสียเวลาคนอื่นเค้า แล้วก็เป็นการ "โชว์โง่" แบบไร้ประโยชน์ รอถามเพื่อนข้างตอนเรียนเสร็จหรือ ถามอาจารย์ตอนหมดคาบก็ได้ (เดี๋ยวจะมาบอกเรื่องการจด Lecture อีกที อันนี้เริ่มจะยาวไปละ)
สุดท้ายนี้ก็ปิดด้วย "คำขอ" ส่วนตัวของพี่เอง - ขอเลยนะ, พวกคุณหนูๆทั้งหลาย********เข้ามาได้แล้วก็ช่วยทำตัวให้มันดีๆ ถึงแม้อาจารย์จะเป็นชาวต่างชาติ ไม่ได้ซีเรียสกับมารยาทเท่าไหร่ แต่ไอ้การใช้ BB iPhone iPad อะไรต่างๆในห้องเรียนมันถือว่าเป็นการไม่สุภาพอย่างร้ายแรง (รู้พี่นี่หละตัวดี แต่มันเตือนยาก ก็เตือนน้องๆนี่แหละ ประวัติยังขาวสะอาดอยู่) ฝรั่งเนี่ยเค้าคาดหวังให้นักศึกษาที่อยู่ระดับมหาลัยแล้วมีความรับผิดชอบประมาณนึง ไม่ถึงกับว่าจะต้องทำงาน 8 jobs เหมือนเด็กฝรั่งอะไรอย่างนั้นหรอก แค่เรื่องการเรียนมาให้ ตรงเวลา สายมากก็ไม่ต้องด้านหน้าเข้าไปเพื่อเอา attendance (มันทุเรดบอกตามตรง) แนะนำว่าให้มองฝรั่งที่ต้องออกจากบ้านมาอยู่เอง กู้เงินเรียน ทำงานไปด้วยอีก แล้วเอามาเปรียบเทียบแล้วกันว่าพวกเราโชคดีแค่ไหนแล้ว
*อย่าให้ใครมาว่าเด็ก BAS ธรรมศาสตร์ ได้อีกว่าไฮโซบ้างดีแต่ใช้เงิน คุณหนูบ้าง (เพราะเค้าเอาไว้ว่าเด็กจุฬาฯ เรื่องคุณหนูอ่ะ 55 เด็ก มธ. ต้องติดดิน!) เรียนไม่ได้เรื่อง พูดมาก ไม่ตั้งใจเรียน มารยาททรามกับอาจารย์ (คืออาจารย์ส่วนใหญ่มาอยู่ไทยนานละ เค้าก็รู้ว่าคนไทยจริงแล้วมารยาทประมาณไหน อย่ามาทำตัวฝรั่งจ๋ามาก ไม่งามๆ) <<< พวกนี้มาจากเด็กธรรมศาสตร์ด้วยกันเองทั้งนั้น จะบอกว่าไม่ได้เป็นคนแบบนั้นแต่ต้องพิสูจน์ด้วยความประพฤติค่ะเรื่องพวกนี้ " Actions speak louder than words."
ก็ฝากไว้แค่นี้แล้วกัน วันหลังจะมาอบรมใหม่ :)
xoxo
Aom
ขอพูดถึงคนที่ไม่ได้ก่อน คือพี่ก็ยังไม่แน่ใจนะว่าใครได้ใครไม่ได้บ้างเพราะบางคนก็ไม่ได้บอกพี่ แต่เท่าที่รู้คนที่ได้ก็คือคนที่พี่คิดแล้วว่าต้องได้ ประมาณว่าซื้อหวยก็คงถูกไปแล้ว คือไม่ได้บอกว่าตัวเองติวเก่งหรืออะไรนะ เพราะการติวของพี่ก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นการเตรียมความพร้อมในด้าน "ความรู้" เป็นหลัก ไม่ได้ติว "แกรมม่าร์" การติวของพี่คือเน้นให้น้องมีความรู้กว้างๆ และความรู้รอบตัวเพื่อจะได้นำไปใช้เขียนสอบ และสัมภาษณ์ได้ แต่ปัญหาของน้องที่สอบไม่ได้ (คือที่เงียบหายไปส่วนใหญ่) เท่าที่สังเกตุตอนที่สอนๆจะมาจาก..
1.ยังขาดความตั้งใจจริง ไม่พร้อม(หรือบางคนรู้ตัวช้าไปอะไรแบบนี้ ทำให้สมัครสอบไปแล้ว แต่ไม่มีคะแนนภาษาอังกฤษมายื่น หรือไม่ก็ไม่ผ่านเกณฑ์) - เมื่อรู้แบบนี้แล้ว น้องๆที่คิดจะสมัครเข้าที่นี่ในปีหน้าควรที่จะไปสอบภาษาอังกฤษ (TU-GET หรือ IELTS) ไว้เลยเพราะคะแนนพวกนี้เก็บได้สองปี คือถ้าผ่านก็ผ่าน แต่ถ้าไม่ผ่านจะได้มีเวลาไปสอบอีกครั้งได้ เพราะที่นี่ถึงแม้จะเป็นคณะอินเตอร์ฯ แต่กำหนดการต่างๆออกโดยมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ไม่อะลุ่มอะล่วยเหมือนที่อื่นนะ
**และที่สำคัญไม่ใช่ว่ามีตังค์ก็จะเรียนได้ทุกคน เพราะรับแค่ปีละ 100 คน ถึงแม้บางคนจะลาออก ไม่มาเรียนแล้วก็ไม่เกี่ยว ตัวสำรองมีวันหมดอายุ อย่าชะล่าใจเป็นอันขาด!! เพราะคนมาสอบคณะนี้ถึงไม่ได้เยอะเป็นพัน ก็จริง แต่ก็ไม่เคยต่ำกว่า 250 นะ (แปล่ามีคนไม่ได้แน่นอน)
2.ทักษะการใช้ภาษาอังกฤษในด้านการเขียน - อย่างที่พูดไปแล้วว่าการติวของ BAS Tutor เนี่ยเป็นการเตรียมความพร้อมในด้านความรู้ เพราะฉะนั้นใครที่จะมาติวกับพี่ (หรือไม่ติวก็ตาม) ต้องมีพื้นฐานในการเขียนที่ดีติดตัวมาแล้วพอสมควร เรื่องภาษามาหวังพึ่งพี่ไม่ได้นะ เพราะพี่ไม่ได้เน้น คือดูให้ได้ บอกให้ได้เล็กน้อย แต่ต้องไปฝึกเอาเอง น้องบางคนที่มาติวกับพี่ คือถ้ามีพื้นฐานการเขียนดีอยู่แล้ว พี่แนะเค้านิดเดียวเค้าก็ไปกระจาย ต่อยอดความคิดได้ แต่คนไหนเขียนก็ไม่ได้ ความรู้รอบตัวก็ไม่ค่อยมี อย่างนี้ถึงสอบเข้าได้ แต่เข้าไปเรียนแล้วก็จะลำบากจ้า เพราะฉะนั้นอย่ามาหวังพึ่งน้ำบ่อหน้า (คือการมาเน้นติวเอาตอนใกล้สอบ) ให้เตรียมตัวเองในด้านอื่นๆมาให้พร้อมจะดีที่สุด
อ้อ เดี๋ยวจะขยายความให้ฟังนิดนึงแล้วกันว่า "พื้นฐานภาษาอังกฤษด้านทักษะการเขียน" เนี่ยมันคืออะไร ประมาณไหนถึงถือว่าดี - บอกให้ก็ได้ว่าถ้าถามพี่ ขอแค่อ่านรู้เรื่องก็พอแล้ว แต่ไม่ได้หมายถึงอ่านรู้เรื่องแบบสะกดถูกอะไรแบบนี้อย่างเดียวนะ เพราะการเขียนก็คือการสื่อสารอย่างนึง เพราะฉะนั้นใครที่เขียนแล้วพี่เข้าใจว่าต้องการจะสื่ออะไร สำหรับพี่(และคิดว่าอาจารย์ที่ตรวจข้อสอบก็ด้วย) ก็เป็นสิ่งที่พอแล้ว... แต่ ก็ยังรับประกันไม่ได้อยู่ดีนะว่าจะเข้าได้รึเปล่า เพราะ การสอบเข้าให้คะแนนการเขียน 60 การสัมภาษณ์ 40 แปลว่าเขียนสื่อสารเก่งอย่างเดียวก็อาจจะไม่พอ ซ้ำยังอาจจะมีคนที่เค้าเก่งกว่าเรามาสอบด้วยก็ได้ สรุปคือไปเตรียมตัวด้านภาษาอังกฤษมาให้ดีๆ ข่าว เข่อว อะไรยังไม่ต้องไปอ่านค่อยมาหาซื้อชีท หาติวทีหลังยังทัน (แค่ดูข่าวสามมิติตอนกลางคืนทุกวันไม่ทึบมากก็ถือว่ามีความรู้รอบตัวพอควรแล้ว)
3.การสนทนาพื้นฐาน การสอบสัมภาษณ์ของ BAS ถ้าเทียบกับคณะอื่นๆแล้วจากที่น้องบางคนเล่ามา ถือว่าไม่โหด ชิลๆมาก เค้าจะถามเราเกี่ยวกับเรื่องทั่วไป แต่ถ้าใครดูเก่งเค้าก็อาจจะถามลึก อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับอาจารย์แต่ละท่าน - ปัญหาที่พี่เจอในน้องบางคน ซึ่งถือว่าเป็นส่วนน้อยมาก พูดไม่รู้เรื่องเลย ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นอะ เพราะประเทศไทยก็สอนภาษาอังกฤษในโรงเรียนมาตั้งแต่แบเบาะละ ซึ่งพี่คิดว่าไม่น่าจะเป็นด้านความรู้ น่าจะเป็นด้านความมั่นใจมากกว่า บางคนพูดเสียงเบาๆ แผ่วๆ อย่างนี้ก็ถือว่าเสียบุคลิกนะ คือเอาเป็นว่ามั่นๆเข้าไว้แล้วกัน อย่าไปกังวลว่าเราจะพูดผิด หรือ อายอะไรมาก เพราะทำใจไว้เลยว่าเข้ามาแล้วไม่ช้าก็เร็วได้พูด ได้ตอบ ได้พรีเซ้นต์เป็นภาษาอังกฤษแน่ๆๆๆๆ 10000000%
รวมๆแล้วสิ่งที่อยากฝากน้องๆรุ่นต่อไปก็คือ "การเตรียมตัว" และ "ความตั้งใจ" นี่แหละที่สำคัญที่สุดในการสอบเข้าไม่ว่าจะที่ไหนอะไรยังไงก็ตาม อย่าไปคิดว่าเราไม่เก่ง บลา บลา บลา ท้อซะเปล่าๆนะ ฟุ้งซ่านด้วย เอาเวลามาพัฒนาตัวเองดีกว่า ตัวพี่เองก็ไม่เคยไปเรียนพิเศษอะไรที่ไหน ไม่ได้เรียนอินเตอร์อะไรมา ซัมเมอร์ต่างประเทศอะไรก็ไม่เคยไปอ่า อาศัยว่าใจชอบ(ภาษา) ก็พยายามฝึกฝนด้วยตัวเอง ดูหนังฝรั่งบ้าง คุยกับเพื่อนฝรั่งบ้าง อาจจะฟังดูไร้สาระนะ แต่ประเด็นคือเรื่องภาษาอะ พี่ว่ามันเป็นอะไรที่ต้องใช้บ้าง ไม่ใช่อยากเก่งอยากอะไรมากมาย แต่หวังพึ่งเอาจากคนอื่น โดยการไปเสียเงินเสียทองไรมากมายกับการเรียนภาษาอังกฤษทั้งๆที่มันไม่ใช่อะไรที่ยากเกินความสามารถเลย บางคนอ่อนจริงก็อาจจะไปเรียนเอาหลักการ แล้วก็มาฝึกต่อเองที่บ้านอย่างนี้ก็ได้ (= =" พิมพ์แล้วเหนื่อย) และที่สำคัญอย่าเรียนตามเพื่อน มันเสียเวลา เจอมาหลายคนแล้วเห็นเพื่อนไปเรียนที่นู่นที่นี่แล้วก็ตามกัยไปเป็นโขยง แต่สุดท้ายก็เรียนไม่ไหวบ้าง รู้ตัวทีหลังว่าชอบอย่างอื่นบ้าง
รู้อย่างนี้แล้วก็รีบไปสำรวจตัวเองเลย มีปัญหาอะไรก็อีเมล์มาหา มาถามมาคุยได้ที่ BAS.tutor@gmail.com [ลองเอาที่ตัวเองเคยเขียนมาให้พี่ดูก็ได้ว่าระดับภาษาของน้องเนี่ยประมาณไหน ไม่คิดตังค์ถือว่ารุ่นพี่รุ่นน้องช่วยๆกัน]
สำหรับคนที่สอบเข้ามาได้แล้ว อยากรู้เรื่องอะไรก็ถามพี่ๆทุกคนได้เลย วัน First Meet คงได้เจอกัน จะเป็นวันไหนที่ไหนยังไงต้องถามพี่ปีหนึ่งตอนนี้ดู ส่วนเรื่องการเรียนพี่ก็อยากแนะนำว่าช่วงนี้ปิดเทอมอยู่ว่างๆอ่ะ ให้ฝึกฟังไว้เยอะๆ เพราะอย่างที่รู้การเรียนการสอนจะเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด คนไหนมาจากอินเตอร์ก็จะได้เปรียบด้านนี้ไป อาจจะออก start ได้ดีกว่าคนอื่น ถ้าน้องคนไหนไม่เคยเรียนแบบนี้มาก่อน ช่วงเทอมแรกก็ต้องฟิตตัวเองดีๆเลย เพราะว่าถ้าเกรดเทอมแรกไม่ดีแล้วการจะอัพขึ้นมาค่อนข้างยากมากเลยทีเดียว (จากประสบการณ์ส่วนตัว >.<") อีกอย่างคือคณะเราถึงแม้จะเป็นศิลปศาสตร์ แต่ไม่มีการมาสอนภาษาอังกฤษ การเขียน การอ่านนะ ยกเว้นพวกที่ต้องเรียน EL หรือวิชาภาษาอังกฤษนั้นแหละ ซึ่งเพื่อนพี่ที่เรียนไปแล้วเค้าบอกว่าไม่ได้ช่วยอะไรเท่าไหร่ ส่วนวิชาพวก Reading and Writing ต่างๆที่ต้องเรียนเทอมสอง อะไรแบบนี้เค้าก็จะไม่มานั่งสอนแกรมม่าร์ให้เรา เค้าจะสอนการเขียนแบบถูกวิธีให้ เช่น เวลาเขียนอะไรที่เป็นการเป็นงานเนี่ยต้องไม่ใช้คำประเภทไหน และมีกฎอะไรในการเขียนบ้าง เวลาเขียนแกรมม่าร์ผิดเค้าก็จะหักคะแนน แล้วก็บอกรวมๆว่าภาษาไม่ดีบ้างอะไรบ้าง แต่จะไม่มีนั่งสอน Tenses อะไรแล้ว.
ส่วนใครที่เคยมาถามพี่ว่าต้องเตรียมตัวไปหาหนังสืออะไรมาอ่านตอนนี้เลยมั้ย? ยังไม่ต้อง! เอาเวลามาฝึกภาษาตัวเองให้ดีก่อนดีกว่า เพราะมันเป็นปัจจัยหลักในการเรียน ถ้าเราฟังไม่เข้าใจ แล้วเราจะมาเขียนเล้กเชอร์/สอบได้ยังไง ใช่มั้ย? มีอะไรยกมือถามได้เลย แต่ขอที่มันเป็นเรื่องเป็นราวไม่ใช่อะไรที่ไร้สาระ เช่น ถามว่าไอ้คำง่ายๆที่เค้าพูดไปสะกดยังไง -*- มันเสียเวลาคนอื่นเค้า แล้วก็เป็นการ "โชว์โง่" แบบไร้ประโยชน์ รอถามเพื่อนข้างตอนเรียนเสร็จหรือ ถามอาจารย์ตอนหมดคาบก็ได้ (เดี๋ยวจะมาบอกเรื่องการจด Lecture อีกที อันนี้เริ่มจะยาวไปละ)
สุดท้ายนี้ก็ปิดด้วย "คำขอ" ส่วนตัวของพี่เอง - ขอเลยนะ, พวกคุณหนูๆทั้งหลาย********เข้ามาได้แล้วก็ช่วยทำตัวให้มันดีๆ ถึงแม้อาจารย์จะเป็นชาวต่างชาติ ไม่ได้ซีเรียสกับมารยาทเท่าไหร่ แต่ไอ้การใช้ BB iPhone iPad อะไรต่างๆในห้องเรียนมันถือว่าเป็นการไม่สุภาพอย่างร้ายแรง (รู้พี่นี่หละตัวดี แต่มันเตือนยาก ก็เตือนน้องๆนี่แหละ ประวัติยังขาวสะอาดอยู่) ฝรั่งเนี่ยเค้าคาดหวังให้นักศึกษาที่อยู่ระดับมหาลัยแล้วมีความรับผิดชอบประมาณนึง ไม่ถึงกับว่าจะต้องทำงาน 8 jobs เหมือนเด็กฝรั่งอะไรอย่างนั้นหรอก แค่เรื่องการเรียนมาให้ ตรงเวลา สายมากก็ไม่ต้องด้านหน้าเข้าไปเพื่อเอา attendance (มันทุเรดบอกตามตรง) แนะนำว่าให้มองฝรั่งที่ต้องออกจากบ้านมาอยู่เอง กู้เงินเรียน ทำงานไปด้วยอีก แล้วเอามาเปรียบเทียบแล้วกันว่าพวกเราโชคดีแค่ไหนแล้ว
*อย่าให้ใครมาว่าเด็ก BAS ธรรมศาสตร์ ได้อีกว่าไฮโซบ้างดีแต่ใช้เงิน คุณหนูบ้าง (เพราะเค้าเอาไว้ว่าเด็กจุฬาฯ เรื่องคุณหนูอ่ะ 55 เด็ก มธ. ต้องติดดิน!) เรียนไม่ได้เรื่อง พูดมาก ไม่ตั้งใจเรียน มารยาททรามกับอาจารย์ (คืออาจารย์ส่วนใหญ่มาอยู่ไทยนานละ เค้าก็รู้ว่าคนไทยจริงแล้วมารยาทประมาณไหน อย่ามาทำตัวฝรั่งจ๋ามาก ไม่งามๆ) <<< พวกนี้มาจากเด็กธรรมศาสตร์ด้วยกันเองทั้งนั้น จะบอกว่าไม่ได้เป็นคนแบบนั้นแต่ต้องพิสูจน์ด้วยความประพฤติค่ะเรื่องพวกนี้ " Actions speak louder than words."
ก็ฝากไว้แค่นี้แล้วกัน วันหลังจะมาอบรมใหม่ :)
xoxo
Aom