น้องๆอาจะเคยได้ยินกันมาบ้างกับการเรียนมหาวิทยาลัยให้จบภายใน 3 ปี ครึ่ง วันนี้พี่มีข้อแนะนำเล็กๆน้อยๆมาบอกน้องๆว่าทำไมการจบสามปีครึ่งถึงไม่ยากอย่างที่คิด คนไม่เก่งก็เรียนจบสามปีครึ่งได้ เคล็ดลับมีสามข้อ...เอง
ข้อ 1. "ลงเยอะ" เยอะในที่นี้คือ 6 วิชาเท่านั้นเองซึ่งถ้าเทียบกับการเรียน ม.ปลายแล้วพี่ว่าเรียนมหาลัย หกวิชามันง่ายกว่าเยอะ เพียงแต่เราก็พยายามลองสังเกตุดูว่าวิชาไหนจะเน้นสอบปลายภาค และวิชาไหนสอบในห้อง หรือเน้นการเข้าเรียนทำงานระหว่างภาคมากกว่า แล้วก็พยายาม "กระจายความเสี่ยง" ออกไป โดยการเลือกวิชาเหล่านี้มาปนๆกัน
หมายเหตุ: หลังจากน้องสอบติดแล้ว ในวันปฐมนิเทศน์ทางโครงการจะมีการแจก Handbook ซึ่งในนั้นจะมีแผนการเรียนต่างๆให้ ก็ลองสังเกตุดูว่าเทอมไหนเค้ามีวิชาบังคับแค่ 5 ตัว เราก็ลองไปดูรายชื่อวิชา Free Electives ดูแล้วพอเวลาลงทะเบียน ก็แอดเพิ่มวิชาที่ต้องการลงไป แค่นี้ก็ได้เรียนเทอมละ 6 ตัวแล้ว
แต่ช้าก่อนมีข้อเตือนใจนิดนึงว่า ตามแผนที่เรียนถ้าวิชาไหนเค้าวางแผนมาให้อยู่แล้ว ก็เรียนไปตามนั้น ไม่สมควรเอาวิชาบังคับของแต่ละภาคมาเรียนก่อน.. สมมติว่า International Relations เป็นวิชาที่เค้าให้เลือกตอนอยู่ปีสูงแล้วก็ควรจะเก็บไว้เรียนตอนนั้น เพราะถึงแม้เค้าไม่ได้บังคับ แต่ถ้าราอยู่แค่ปีหนึ่งแต่ไปเรียนวิชาของปีสาม มันจะยากและทำให้เราเรียนไม่ได้ เพราะวิชาของ BAS มันจะเรียนเป็นลำดับขั้น และแทบทุกวิชาจะมีความเกี่ยวข้องกัน เพราะฉะนั้นถ้าเราแตกแถว เราอาจจะเรียนไม่ไหว แล้วก็เสียงเงินค่าลงทะเบียนไปเปล่าๆ (ยิ่งวิชาแนว Social Studies ยิ่งไม่ควรรีบลง ปล่อยให้เป็นไปตามแผนดีกว่านะจ้ะ)
ข้อ 2. "เรียนซัมเมอร์" การเรียนช่วงซัมเมอร์ โครงการอนุญาตให้ลงได้เต็มที่ 2 ตัว ต่อหนึ่งภาค แต่ส่วนใหญ่จะมีคนอยากเรียนซัมเมอร์มากเพราะฉะนั้น เวลาเค้าเปิดให้ลงทะเบียนต้องรีบเข้าไปลงนะ (9 โมงเช้า) ตื่นสายก็อดจ้าา
หมายเหตุ: พี่คิดว่าการลงซัมเมอร์เป็นสิ่งที่ดีนะ ลงได้ก็ลง แต่ไม่ต้องไปซีเรียสกับมันมาก สัก หนึ่ง หรือ สองตัวก็พอแล้ว
ข้อ 3. "ตกน้อย" หรือ ถ้าไม่ตกเลยยิ่งดี การเรียนมหาลัยสำหรับพี่เทอมแรกคือเทอมที่ได้คะแนนแย่ที่สุด เนื่องจากไม่เคยมีใครบอก ไม่เคยต้องมานั่งจดเลกเชอร์ ไม่เคยที่จะต้องอ่านหนังสือ เพราะฉะนั้นมันเป็นปัญหาของการปรับตัว โดยเฉพาะน้องที่เรียนโรงเรียนไทยมาต้องปรับเรื่องการฟังมาก ดังนั้นให้ตั้งใจเข้าเรียนทุกคาบ อย่าโดด อย่าขาด เพื่อประโยชน์ของตัวเอง
หมายเหตุ: วิชาที่รหัสขึ้นต้นด้วย TU เกรดผ่านคือ D และสำหรับ BS เกรดผ่านคือ C และถึงแม้จะเป็นโครงการอินเตอร์ แต่การที่จะได้ A นั้นก็ไม่ง่าย ส่วนการที่จะตกก็ไม่ยากเช่นกัน เวลาอาจารย์อธิบายการให้คะแนนอะไรก็สมควรจะฟังและจำไว้ด้วย เพราะการให้คะแนนของอาจารย์แต่ละคนนั้นแตกต่างกัน และการที่จะอัพเกรดตัวเองขึ้นมาก็ไม่ง่ายเลย ก็เลยอยากบอกว่าทำเทอมแรกให้ดีๆหน่อย แล้วเทอมต่อๆมามันจะดีเอง
โชคดีนะทุกคน
โอ้วว ตอนนี้ BAS มีกฎใหม่เรื่องการเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มสำหรับคนที่สอบได้คะแนนภาษาอังกฤษไม่ถึงเกณฑ์ (คะแนนน้อยตอนที่ยื่นใบสมัคร) ก็ต้องไปสอบใหม่ให้ถึงเกณฑ์ (เกณฑ์อะไรลองเช็คด้วยตัวเองอีกทีนะ แหะๆ) แต่พี่คิดว่าไม่ต้องไปสอบใหม่หรอก เปลืองตังค์ ค่อยมาเรียนตอนเปิดเทอมเอาก็ได้ค่ะ ราคาถูกกว่าด้วย และ ไม่ได้เสียเวลาเท่าไหร่ ยังจบสามปีครึ่งได้เช่นกันจ้า :)